วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ความสำคัญของการศึกษาและครูในการสร้างสันติสุขในสังคมไทย

 ความสำคัญของการศึกษาและครูในการสร้างสันติสุขในสังคมไทย

เมื่อไม่เรียนแล้วใยเล่าเจ้าจะรู้       เมื่อไม่ดูแล้วใยเล่าเจ้าจะเห็น
เมื่อไม่ทำแล้วใยเล่าเจ้าจะเป็น      ยามยากเข็ญแล้วใครเล่าจะช่วยเรา

         ความรู้นั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับทุกๆคน เพราะถ้าใครมีความรู้มาก..ก็จะได้เปรียบในทุกๆเรื่อง เราจึงจำเป็นต้องศึกษาหาความรู้ ไม่ว่าจะเป็นวิชาทางด้านสามัญ หรือ ในวิชาการทางด้านศาสนา
        ความรู้ในด้านสามัญนั้นมีมากมายหลายแขนงซึ่งวิชาต่างๆเหล่านี้จะทำให้เท่าทันต่อเหตุการณ์บ้านเมืองและเท่าทันกับสิ่งที่โลกได้มีการพัฒนาไป และคนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญมากต่อวิชาการทางด้านสามัญ ความรู้และสิ่งต่างๆเหล่านี้มันจะทำให้เรานี้มีเกียรติยศ มีคนนับหน้าถือตา เป็นที่รู้จักกันในสังคมนั้นๆ และเมื่อเรามีอำนาจมีพวกพ้องมากมาย ความโลภก็จะเข้ามาครอบงำ ทำให้อยากได้สิ่งนั้นสิ่งนี้ และก็จะเอามันมาด้วยกับการเอาเปรียบผู้อื่นที่มีความรู้น้องกว่า  มันจึงทำให้สังคมมีแต่จะแย่ลงไปทุกที
          ดังนั้นผู้ที่มีความรู้ ควรที่จะต้องมีคุณธรรมด้วยและสิ่งสำคัญคือต้องมีความเที่ยงตรงในทุกๆเรื่อง แต่ความรู้ในด้านสามัญจะช่วยเราได้แค่โลกดุนยานี้เท่านั้น ถ้าคนๆนั้นยังขาดวิชาความรู้ทางด้านศาสนาอยู่ และมันจะมีความหมายอะไรกับบรรดามุสลิม
 ความรู้ในด้านวิชาการทางศาสนานั้นเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก เพราะความรู้ทางด้านศาสนานั้นจะสามารถช่วยเราได้ในวันอาคีเราะห์ ซึ่งในวันนั้นจะไม่มีใครเลยที่จะสามารถช่วยเราได้ ใครที่ทำความชั่วไว้มากก็จะถูกลงโทษในนรกอย่างชนิดที่ว่าไม่มีใครเคยคาดคิดมาก่อน แต่ถ้าใครที่ทำความดีไว้มาก ก็ได้จะได้รับสวรรค์เป็นสิ่งตอบแทน จะได้รับความสุขอย่างมากมาย และผู้ที่มีความรู้เท่านั้น ที่จะสามารถรู้ได้ว่าจะทำอย่างไรดีที่จะนำพาตัวเองและครอบครัวของเขาเข้าไปสู่สวรรค์ของอัลลอฮฺ  ได้
         เมื่อมีความรู้ เราจำเป็นต้องนำความรู้เหล่านี้ ไปตักเตือนหรือสอนผู้อื่น เพื่อที่จะให้ผู้อื่นนั้นได้รับความรู้เกี่ยวกับบทบัญญัติทางศาสนา และสิ่งที่จะนำพาผู้นั้นให้รอดพ้นจากการลงโทษในขุมนรกและนำพาตัวเองพร้อมครอบครัวเข้าไปสู่สวรรค์ของพระองค์ และท่านนบีมูฮำหมัด   ได้กล่าวเกี่ยวกับบุคคลที่มีความรู้และบุคคลที่แสวงหาวิชาความรู้ไว้ว่า
เล่าจากอะบีอัดดัรดาอฺ ว่า ฉันได้ยินท่านร่อซุ้ลลุ่ลลออฮฺ  กล่าวว่า
           "ผู้ใดมุ่งอยู่ในหนทางแห่งการแสวงหาวิชาความรู้ อัลลอฮฺจะให้ทางสะดวกแก่เขาสู่สวรรค์  แท้จริงมวลมาลาอีกะห์จะหุบปีกเพราะมีความยินดีกับผู้แสวงหาวิชาความรู้แท้จริงผู้มีความรู้นั้น ผู้ที่อยู่บนฟ้า ผู้ที่อยู่บนแผ่นดิน แม้แต่ปลาที่อยู่ในน้ำ จะขออภัยโทษให้แก่เขา  และความประเสริฐของผู้ที่มีความรู้นั้นเหนือกว่าผู้ทำความดีอย่างแกร่งกล้า ดุจดวงจันทร์ ที่มีแสงสว่างเหนือดวงดาวทั้งหลาย  แท้จริงผู้ที่มีความรู้คือทายาทของบรรดานบี  แท้จริงบรรดานบีไม่ได้ทิ้งเหรียญทองและเหรียญเงินไว้เป็นมรดก แต่พวกเขาได้ทิ้งวิชาความรู้ไว้เป็นมรดก  ดังนั้นผู้ใดได้เอามรดกในวิชาความรู้ไว้ ถือว่าเขาได้รีบโชคอันใหญ่หลวง"            
                                                                      (รายงานโดยอะบูดาวุด และ อัตตริมีซี)
 และนี่คือสิทธิประโยชน์ที่ท่านนบี   ได้นำมาบอกแก่บุคคลที่มีความรู้และผู้ที่แสวงหาวิชาความรู้ แต่ไม่ว่าจะเป็นวิชาความรู้ทางด้านสามัญหรือทางด้านศาสนานั้น มันเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญมากกับบุคคลที่อยู่ในยุคปัจจุบันนี้ เพราะวิชาการทางด้านสามัญจะช่วยในการหาปัจจัยยังชีพ เพื่อที่จะอยู่ดูแลครอบครัวของเราบนโลกนี้ และนำปัจจัยยังชีพที่เรามีนำไปช่วยเหลือผู้อื่นด้วยเป็นอีกหนทางหนึ่ง ที่จะทำให้เราได้รับประโยชน์ ในวันอาคิเราะห์  

         การดูแลครอบครัวและผู้อื่นนั้นถือเป็นอิบาดะห์อย่างหนึ่ง ซึ่งถ้ามีการตั้งเจตนาที่ดี มันก็จะเป็นผลบุญด้วยในวันอาคีเราะห์  จะเห็นได้ว่า การศึกษามีความสำคัญติอผู้ที่แสวงวิชาความรู้เป็นอย่างมาก ดังนั้นครูจึงมีบทบาทต่อการสร้างสันติสุขให้แก่สังคมไทย กล่าวคือ ไม่มีสิ่งใดจะมาเสมอเหมือนความสุขอันเกิดจากสันติหรือความสงบได้เลย ทั้งนี้ เพราะความสงบ คือ ภาวะที่ปราศจากเครื่องรบกวนทั้งภายนอกและภายใน  เอกัตบุคคลซึ่งสันติภาพและสันติสุขแล้ว สังคมก็จะบรรลุสันติภาพและสันติสุขเช่นกัน การศึกษาและครูครูเป็นองค์ประกอบร่วมกัน กล่าวคือ ที่ใดมีการศึกษา ที่นั่นจะต้องมีครู หรือ เมื่อมีครูก็ต้องมีการให้การศึกษา ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่า กระบวนการให้การศึกษานั้น จะปราศจากบุคคลที่เป็นครูไม่ได้ ในทำนองเดียวกัน เมื่อมีบุคคลที่มีสถานภาพของความเป็นครูอยู่ในสังคม  กระบวนการให้การศึกษาก็ต้องเกิดขึ้น ซึ่งอาจอยู่ในลักษณะของการศึกษาในและนอกระบบ 
       เมื่อกล่าวถึงบทบาทของการศึกษา จึงจำเป็นต้องกล่าวถึงบทบาทครูควบคู่ไปด้วยเสมอ  ด้วยเหตุนี้  ในที่นี้จึงใช้คำว่า  บทบาทของการศึกษาและครู ควบกันเสมอ ความสัมพันธ์ระหว่างการศึกษากับการสร้างสันติภาพ การศึกษาเป็นกระบวนการสำคัญในการสร้างสันติภาพและสันติสุข การให้การศึกษาแก่บุคคลที่ถูกต้องจะก่อให้เกิดสันติภาพและสันติสุข ทั้งในระดับบุคคล ระดับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ระดับโครงสร้างของสังคมและระดับนานาชาติสันติภาพและสันติสุขระดับบุคคลจะเกิดขึ้นได้จะต้องมีกระบวนการศึกษาที่ดี โดยเน้นให้บุคคลได้รู้จักตนและเข้าใจความต้องการอันแท้จริงของตนเอง ส่วนสันติภาพและสันติสุขระดับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลนั้น กระบวนการให้การศึกษาจะต้องเน้นความเสมอภาค ความเท่าเทียมกัน ความเข้าใจกัน การยอมรับความรู้ความสามารถของกันและกันไม่ดูถูกภูมิปัญญาของผู้อื่นทุกคนมีเสรีภาพและความเป็นประชาธิปไตยอย่างถูกต้อง องค์กรหรือสถาบันที่มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการสร้างสันติภาพและสันติสุขของบุคคลในสังคม
 1. สถาบันครอบครัว มีหน้าที่สำคัญในการสร้างบุคลิกภาพ อุปนิสัย ความเชื่อ ค่านิยม ตลอดจนคุณธรรมต่างๆ ให้แก่สมาชิกในครอบครัว
 2. สถาบันการศึกษาสถาบันการศึกษามีบทบาทหน้าที่ในการพัฒนาบุคคลและสังคม พัฒนาความเจริญงอกงามส่วนบุคคลให้กับผู้เรียนทั้งด้านความรู้ ความคิด ความสามารถในการอ่านเขียน  การรักษาสุขภาพอนามัยให้แข็งแรงสมบรูณ์  
3. สถาบันทางสังคมอื่นๆ  นอกจากสถาบันครอบครัวและสถาบันการศึกษาจะเป็นองค์กรทางสังคมที่มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาคนเพื่อให้เกิดสันติภาพและสันติสุขทั้งตัวบุคคลและสังคมแล้ว สถาบันทางสังคมอื่นๆ ก็มีส่วนร่วมในการสร้างสันติภาพและสันติสุขให้กันบุคคลและสังคมด้วย สถาบันทางสังคมอื่นๆที่สำคัญได้แก่ สถาบันศาสนา สถาบันการเงินการปกรอง และสถาบันสื่อสารมวลชน ซึ่งแต่ละสถาบันต่างก็มีอิทธิพลต่อการสร้างสันติภาพและสันติสุขให้กับบุคคลในสังคมมากน้อยแตกต่างกันออกไป
สรุปได้ว่า การศึกษามีบทบาทที่สำคัญที่จะช่วยพัฒนาคน พัฒนาชาติ การศึกษาจึงเป็นกระบวนการสร้างคนในประเทศให้มีกำลังมีความสามารถที่จะพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าอย่างมีสันติสุข บทบาทของครูในการสร้างสันติภาพ        
1.            พัฒนานักเรียนให้เป็นผู้ที่มีปัญญาสูงขึ้น มีความรอบรู้ในสรรพวิทยาการต่างๆ               
2.            จัดสร้างสถานการณ์ต่างๆ ที่เอื้ออำนวยการให้นักเรียนรู้จักคิดเหตุผล               
3.             พยายามปลูกฝังลักษณะนิสัยสำคัญๆ ให้เกิดขึ้นในตัวนักเรียน เช่น ความตรงต่อเวลา ความขยันหมั่นเพียร ความอดทน              
4.            การปลูกฝังค่านิยมและมโนทัศน์ที่ถูกต้องให้กับนักเรียน               
5.            การปลูกฝังการเป็นนักประชาธิปไตยให้แก่นักเรียน               
6.             การให้ความรู้แก่ประชาชนในท้องถิ่นนั้น              
7.            การปลูกฝังทางด้านอาชีพ  ให้นักเรียนมีทักษะและทัศนะคติที่ดีต่อการอาชีพ                
8.            บทบาทในการปลูกฝังวัฒนธรรม              
9.             บทบาทในการพัฒนาสังคมเมื่อเข้าไปอยู่ในชุมชนใดๆก็ตาม          
10.     บทบาทในการแก้ไขปัญหาในชุมชนเมื่อพบว่าชุมชนนั้น